ขณะนี้ โครงสร้างประชากรโลกกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนามากขึ้นและเด็กเกิดใหม่มีจำนวนน้อยลง ส่งผลให้ประชากรผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก ในปี 2583 หรืออีกเพียง 26 ปีข้างหน้า สัดส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60.4 ซึ่งกล่าวได้ว่าโลกจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aging Society) ประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากในอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ อิตาลี ญี่ปุ่น กรีซ เยอรมนี และสวิสเซอร์แลนด์ โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 10.05 และคาดว่าในปี 2568 ประชากรผู้สูงอายุในไทยจะมีมากกว่า 70 ล้านคน และไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้หลายประเทศเริ่มคำนึงถึงการพัฒนาสินค้าและระบบต่างๆ เพื่อการรองรับสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นผู้บริโภคที่มีอำนาจในการจับจ่าย และมองหาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเล็งเห็นแนวโน้มการขยายตัวของตลาดดังกล่าว จึงริเริ่มโครงการตลาดสินค้าผู้สูงอายุขึ้น เพื่อพัฒนาช่องทางและโอกาสทางการตลาดใหม่นี้ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าและบริการของไทยในตลาดต่างประเทศ โดยโครงการดังกล่าวมีลักษณะเบ็ดเสร็จครบวงจร ตั้งแต่การจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านตลาดผู้สูงอายุโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เช่น อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน การพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการผู้สูงอายุในตลาดต่างประเทศ และการแนะนำให้เข้าสู่ตลาด ด้วยกิจกรรมการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ การประชาสัมพันธ์โครงการในงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ฯลฯ กลุ่มสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เสื้อผ้า/เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อการชะลอวัย เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ของใช้เพื่อสุขภาพ ของใช้ที่ช่วยในการเคลื่อนไหว อุปกรณ์ทางการแพทย์ หุ่นยนต์ รถไฟฟ้า เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยเหลือ (เช่น กล้องวงจรปิด) และธุรกิจบริการ อาทิเช่น โรงพยาบาลเฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สถาบันเสริมความงามเพื่อการชะลอวัย เป็นต้น